seopress และ seo all in one
ใจความสำคัญของ seopress , seo all in one เหมือนหรือแตกต่างอย่างไร
เริ่มต้นทำความเข้าใจกับ seopress และ seo all in one ว่ามีการทำงานที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
เพื่อให้คุณมีความเข้าในใจผลลัพธ์ที่จะได้กลับมา เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะทำเว็บไซต์เพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจของคุณ การ ทำ seo ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นมากในยุคนี้
เพราะถ้าเว็บไซต์ของคุณมีการมองเห็นมากเท่าไร โอกาสในการขยายธุรกิจของคุณก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วย และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาแรก ๆ ของ Google ก็จะยิ่งทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นคนที่อยากจะทำให้เว็บของตัวเองให้ติดอันดับที่ดีในผลการค้นหาของ Search Engine นั้น จึงจำเป็นที่จะต้องปรับแต่ง SEO ให้ดีด้วย
เพราะผลของการค้นหานั้นมาจากหลายส่วนประกอบกัน แม้ว่าในสมัยนี้ Search Engine อย่าง Google จะเน้นไปที่เนื้อหาเป็นหลัก ว่ากันว่า Content is King เนื้อหา คือ ราชา แต่มันจะดีกว่านั้น ถ้าหากเนื้อหาที่เราเขียนนั้นง่ายต่อ Search Engine ที่จะเข้าใจ เขาจะได้นำเว็บของเราไปจัดอันดับได้ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาและตรงใจเราที่สุด
ทำความรู้จักกับ seopress , seo all in one ตัวช่วยในการทำการตลาดออนไลน์
แน่นอนว่า seopress , seo all in one เป็นตัวช่วยในการทำ SEO ที่กำลังได้รับความสนใจมากในปัจจุบันนี้
การตั้งค่าสำหรับ All in One SEO นั้น ง่าย ครอบคลุมในทุกส่วนทั้ง .htaccess, robots.txt, sitemap และ Performance แต่ไม่มีการวัดผลเนื้อหาบทความว่า เขียนได้ดีแค่ไหน มีการปรับแต่งเนื้อหาสำหรับ SEO หรือไม่ ได้คะแนน SEO เท่าไร และต้องแก้ในส่วนใดเพื่อให้ SEO เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำ SEO เราไปลองทำความเข้าใจกันว่า seopress และ seo all in one จริง ๆ แล้วคืออะไรกันแน่
seopress คืออะไร
เริ่มกันที่ seopress เป็นปลั๊กอิน SEO อีกตัวนึงที่น่าสนใจเลยทีเดียว คล้ายๆ กับปลั๊กอิน SEO อื่น ๆ แต่สิ่งที่เราประทับใจเป็นพิเศษเห็นจะเป็นในเรื่องของการใช้งานร่วมกับ Google Analytics ที่สามารถตั้งค่าเบื้องต้นบางอย่างที่เราไม่สามารถทำได้ในปลั๊กอินตัวอื่น
และการตั้งให้สามารถกำหนดแท็ก ALT ให้กับรูปภาพอัตโนมัติจาก file name ได้ ซึ่งถ้าเริ่มทำเว็บแรก ๆ แล้วตั้งชื่อให้ดีอยู่แล้ว จะสะดวกมากเลย
รวมไปถึงหน้าตาการใช้งานที่ง่ายและสวยงาม
นอกจากนี้ปลั๊กอินยังเบาและไม่เพิ่มข้อมูลที่ไม่จำเป็นเข้ามาในหน้าเว็บของเราอีกด้วย หากถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่การทำเว็บด้วย WordPress นั้น จะต้องใช้ปลั๊กอินเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO คำตอบก็คือ อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ ถ้าคุณสามารถวิเคราะห์ผลต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเว็บไซต์ หรือการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ที่มีความสนใจในธุรกิจ
รวมถึงการวางแผน Content ใหม่ ๆ แต่ถ้าคุณยังไม่เชี่ยวชาญพอ ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่มีความจำเป็นอยู่ไม่น้อยเลย
seo all in one คืออะไร
ปลั๊กอิน All in One SEO เป็นปลั๊กอินที่มีชื่อเสียงตัวแรกที่ทำในเรื่องของ SEO เวอร์ชั่นปัจจุบันอยู่ที่ 3.2.3 มีคนติดตั้งใช้งานอยู่ประมาณ 2 ล้านกว่าเว็บไซต์ ได้คะแนนอยู่ประมาณ 4.5 ดาว
การปรับแต่งที่ง่าย (Easy Configuration) สำหรับคนที่เริ่มเรียนรู้ SEO มีการตั้งค่าสมรรถนะ (Performance) ได้แก่การเพิ่มเมมโมรี (Raise memory limit) การจัดการในส่วนของการประมวลผล (Raise execution time) การเปิดปิดใช้งาน Force Rewrites ของเว็บไซต์
และยังส่วนของการสรุปสถานะของระบบเพื่อให้เรารู้ว่า ปัจจุบันระบบเซิฟเวอร์ชองเรามีการกำหนดค่าอย่างไร อีกส่วนหนึ่งที่ปลั๊กอินอื่นไม่มีก็คือ การป้องกันบอทที่ไม่ดีที่เข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ของเราด้วย
สิ่งที่เหมือน และแตกต่างกันในการทำงานของ seopress และ seo all in one
-
เป็นเครื่องมือช่วยในการสร้างประสิทธิภากการทำงานของระบบ SEO ได้ดี
-
SEOPress นั้นมีหน้าตาการใช้งานที่ง่ายและแบ่งการตั้งค่าต่างๆในแต่ละส่วนให้เราเข้าใจและเห็นภาพต่างๆ ได้ง่าย สามารถเข้าถึงหรือเปิดปิดการตั้งค่าที่ไม่ต้องการใช้งานได้อย่างเป็นระเบียบ ง่ายต่อการเข้าใจและตั้งค่า
-
มีขั้นตอนในการใช้งานที่แตกต่างกัน และมีระบดับผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
-
ช่วยให้การออกแบบเว็บไซต์กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น
-
All in One SEO ไม่มีตัวป้องกันบอทเสีย เข้ามาในเว็บของคุณทำให้มีข้อมูลขยะจำนวนมาก แต่ seopress มีการคัดกรองข้อมูลเพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่จำเป็นเข้ามาในหน้าเว็บ
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า seopress , seo all in one เป็นหนึ่งในปลั๊กอินทำ SEO บน WordPress ที่ดีที่สุด มีผู้ใช้งานมากกว่า 2 ล้าน มีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมที่สุด ช่วยให้ปรับปรุงอันดับการค้นหาโดยไม่ต้องเรียนรู้ศัพท์แสง SEO ที่ซับซ้อน ปลั๊กอินนี้จะมีวิซาร์ดการตั้งค่าสุดง่ายที่ช่วยตั้งค่า SEO ที่ดีที่สุดให้โดยอัตโนมัติ AI SEO จะแสดง TruSEO บอกเช็กลิสต์ที่ต้องทำเพื่อปรับปรุงโพสต์และเพจของเรา ซึ่งก็รวมทั้ง meta tag generator ที่สร้างตัวเลือกอย่าง ปี เดือน วัน ฟิลด์ที่กำหนดเอง ข้อมูลผู้เขียน และอีกมากมาย ให้เราเอาไปสร้างเป็น title และ description ทำให้เราไม่ต้องอัปเดตอะไรเพราะระบบจะเปลี่ยนชื่อให้เอง