เครื่องมือช่วยหา ไอเดีย เขียนคอนเทนต์ 2024
การ เขียนคอนเทนต์ ออกมาเพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้น จำเป็นที่จะต้องทำเนื้อหาให้มีความสร้างสรรค์และเป็นที่น่าสนใจแก่ผู้อ่าน
ทั้งนี้การทำคอนเทนต์ออกมาให้น่าสนใจ นอกจากจะต้องความคิดสร้างสรรค์แล้ว ก็ยังต้องทำออกมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุดอีกด้วย
ซึ่งในวันนี้เรามี เครื่องมือช่วยหาไอเดีย เขียนคอนเทนต์ มาฝากค่ะ จะมีเครื่องมือแบบไหนบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย
รับรองว่าช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาไอเดียให้คุณได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญก็คือ ช่วยทำให้ง่ายต่อการเลือกไอเดียที่เหมาะสมให้กับแบรนด์ หรือธุรกิจอีกด้วย
แนะนำเครื่องมือช่วยหาไอเดีย เขียนคอนเทนต์
ในปัจจุบันมีเครื่องมือออนไลน์หลายตัวที่ช่วยในการหาไอเดียและ เขียนคอนเทนต์ ให้เรา
เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยดีๆ ที่ทำให้ผู้อ่านสามารถเกิดความสนใจและดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับเครื่องมือที่อยากแนะนำมีหลายตัวที่น่าสนใจ ดังนี้
-
BuzzSumo
BuzzSumo เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ แชร์ข้อมูล และการกระจายข่าวในโซเชียลมีเดีย คุณสามารถใช้ BuzzSumo เพื่อค้นหาเนื้อหาที่กำลังได้รับความนิยมในหัวข้อหรือแนวทางที่คุณสนใจ
และใช้ไอเดียเหล่านั้นเป็นฐานในการเริ่มเขียนเนื้อหาได้เลย สำหรับขั้นตอนการใช้ BuzzSumo มีดังนี้
-
-
เข้าสู่ระบบ
-
ด้วยบัญชีผู้ใช้ของคุณ หากยังไม่มีบัญชี ก็ทำการลงทะเบียนเพื่อใช้งานฟรี หรือจะเลือกใช้งานแบบเต็มรูปแบบก็ได้
-
-
ค้นหาหัวข้อ
-
หรือ Keyword ที่คุณสนใจในช่องค้นหาบนเว็บไซต์
-
-
วิเคราะห์ผลลัพธ์
-
ในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ หรือ Keyword ที่คุณค้นหา รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนการแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn เป็นต้น
-
-
วิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม
-
โดยการเลือกดูเนื้อหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด บน BuzzSumo และดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้แบ่งปัน
เช่น แหล่งที่มาของเนื้อหา ประเภทของเนื้อหา เป็นต้น
-
-
หลังจากที่ได้รับไอเดียเนื้อหาที่ต้องการแล้ว
-
สามารถนำข้อมูลที่ค้นพบมาใช้ในการสร้างเนื้อหาใหม่ โดยปรับปรุงประเด็นที่น่าสนใจ เพื่อให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด
-
-
ติดตามผลลัพธ์
-
และปรับปรุงการประสิทธิภาพของเนื้อหาที่คุณสร้างขึ้นจากไอเดียที่ได้จาก BuzzSumo ให้เป็นเนื้อหาใหม่อยู่เสมอ
BuzzSumo เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยในการวิเคราะห์และค้นหาไอเดียที่ต้องการ ทำให้ง่ายต่อการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณได้ดีมากขึ้น
-
ข้อดีของการใช้ BuzzSumo
-
ช่วยทำให้เราสามารถค้นหาไอเดียใหม่ๆ
-
ที่กำลังได้รับความนิยม และทำให้ง่ายต่อการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณภาพสูง
-
-
ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์เนื้อหาที่กำลังได้รับความนิยม
-
ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ หรือ Keyword ที่สนใจได้ง่าย โดยดูจำนวนการแชร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ
เช่น Facebook, Twitter, LinkedIn เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจถึงสิ่งที่ผู้คนสนใจและตอบรับ ว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางไหน
-
-
ช่วยให้ผู้ใช้ได้พบแนวโน้มที่มีการเปลี่ยนแปลงในตลาด
-
และชุมชนออนไลน์ พร้อมทั้งยังนำเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้ให้เราได้รู้อีกด้วย
-
-
ผู้ใช้สามารถติดตามผลการแชร์
-
และประสิทธิภาพของเนื้อหาที่สร้างขึ้นจากไอเดียที่ได้จาก BuzzSumo ซึ่งจะช่วยทำให้เราสามารถปรับปรุง และปรับใช้กลยุทธ์การสร้างเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
-
BuzzSumo มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
-
และมีข้อมูลที่เรียบเรียงออกมาได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
-
Google Trends
Google Trends เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามความนิยมของคำ หรือหัวข้อต่างๆ บนเว็บไซต์ของ Google ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเห็นแนวโน้มความสนใจของผู้คน และนำไปสร้างเนื้อหาที่เข้ากับความสนใจนั้นๆ ได้สะดวกมากขึ้น สำหรับขั้นตอนการใช้งาน Google Trends มีดังนี้
-
-
เข้าสู่เว็บไซต์ Google Trends ผ่านเว็บเบราว์เซอร์
-
หรือ พิมพ์ค้นหา “Google Trends” ใน Google เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ได้เลย
-
-
ค้นหาคำหรือหัวข้อที่คุณสนใจ
-
เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์, แท็ก, เหตุการณ์, หรือปรากฏการณ์ที่คุณต้องการทราบข้อมูล
-
-
คุณสามารถปรับแต่งการค้นหาได้ตามต้องการ
-
โดยการเลือกวันที่, ประเทศ, หรือภูมิภาคที่ต้องการวิเคราะห์ รวมไปถึงคุณยังสามารถเลือกประเภทข้อมูลที่ต้องการได้อีกด้วย เช่น รายการคำค้นที่เกี่ยวข้อง, ข่าว, YouTube และอื่นๆ เป็นต้น
-
-
หลังจากค้นหาคำ
-
หรือหัวข้อที่คุณสนใจแล้ว ก็จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการค้นหา ทั้งในระดับเวลา, พื้นที่, และคำค้นที่เกี่ยวข้อง
-
-
คุณยังสามารถเปรียบเทียบแนวโน้มการค้นหาของหลายคำ
-
หรือหัวข้อ ได้พร้อมกัน ซึ่งช่วยให้คุณเห็นความสัมพันธ์และแนวโน้มที่ต่างกันได้อย่างชัดเจน
-
-
สามารถคลิกที่แต่ละแนวโน้มเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้
-
เช่น คำค้นที่เกี่ยวข้องมากที่สุด, สถานที่ที่ค้นหามากที่สุด, และประเภทของเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
-
-
ข้อมูลจาก Google Trends
-
สามารถนำมาใช้ในการวางแผนการตลาด, การสร้างเนื้อหา, การเลือกช่องทางการโฆษณา, และการวิเคราะห์ตลาดของคุณ
การใช้ Google Trends จะช่วยทำให้คุณมีข้อมูล และเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มและความสนใจของผู้ค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถวางแผนกิจการและกิจกรรมตลาดของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น.
-
Google Trends มีข้อดีอย่างไร
-
Google Trends ช่วยทำให้ได้รับข้อมูลการค้นหาแบบเรียลไทม์
-
ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดและแนวโน้มการค้นหาใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
-
-
ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบแนวโน้มการค้นหาของคำ
-
หรือหัวข้อต่างๆ ได้ในระหว่างช่วงเวลาที่ต่างกัน และนำมาวิเคราะห์เพื่อเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์
-
-
สามารถดูแนวโน้มการค้นหาตามประเทศ
-
หรือภูมิภาคต่างๆ เพื่อเข้าใจความแตกต่างในความสนใจของผู้ค้นหาในแต่ละพื้นที่ได้ดีขึ้น
-
-
ผู้ใช้สามารถค้นหาคำ
-
หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ หรือประเด็นที่สนใจ เพื่อดูแนวโน้มและข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่าย
-
-
Google Trends ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูแนวโน้มการค้นหาในอดีต
-
และวิเคราะห์ภาพรวมของสถานการณ์ ซึ่งช่วยให้มีความเข้าใจมากขึ้น เกี่ยวกับตลาดและผู้บริโภค
-
-
การใช้งาน Google Trends นั้นง่ายและไม่ซับซ้อน
-
ช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และนำไปใช้ได้อย่างสะดวก
-
-
ข้อมูลที่ได้จาก Google Trends
-
ช่วยให้ผู้ทำการตลาดสามารถวางแผนกลยุทธ์และดำเนินการกิจกรรมทางการตลาดได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
Google Trends เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือช่วยให้ธุรกิจ และผู้ทำการตลาดมีข้อมูลและมีความเข้าใจที่ดีในการวางแผนและการดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ อีกทั้งยังช่วยให้สื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
Wisesight Trend
Wisesight Trend เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์และติดตามแนวโน้มของ Keyword หรือคำค้นหาที่กำหนดไว้บนโซเชียลมีเดียและอื่นๆ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจแนวโน้มที่กำลังได้รับความนิยมและพฤติกรรมของผู้ใช้งานในช่วงเวลาที่กำหนดได้ง่ายขึ้น สำหรับขั้นตอนการใช้ Wisesight Trend มีดังนี้
-
-
เข้าสู่เว็บไซต์ของ Wisesight Trend ด้วยบัญชีผู้ใช้
-
หากยังไม่มีบัญชี คุณสามารถลงทะเบียนเพื่อใช้งานฟรี หรือติดต่อเพื่อขอรับบริการเต็มรูปแบบได้เลย
-
-
ใส่ Keyword
-
หรือคำค้นหาที่คุณสนใจในช่องค้นหาบนเว็บไซต์
-
-
กำหนดช่วงเวลา
-
ที่คุณต้องการที่จะวิเคราะห์และติดตามแนวโน้ม โดย Wisesight Trend มีตัวเลือกให้เลือกตั้งแต่วันสุดท้ายจากปัจจุบันถึง 30 วันที่ผ่านมา
-
-
Wisesight Trend
-
จะแสดงผลลัพธ์ของการวิเคราะห์โดยใช้กราฟและข้อมูลต่างๆ เช่น ปริมาณการพูดคุยในโซเชียลมีเดีย แนวโน้มเวลา และข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ Keyword หรือคำค้นหาที่คุณกำหนดไว้
-
-
นอกจากกราฟและข้อมูลที่แสดงบนหน้าเว็บ
-
คุณยังสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆ ได้อีกด้วย เช่น รายงานเกี่ยวกับแนวโน้มของ Keyword หรือข้อมูลทางการตลาดที่เกี่ยวข้อง
-
-
หลังจากที่คุณได้รับข้อมูลและวิเคราะห์แนวโน้ม
-
ก็สามารถนำข้อมูลที่พบมาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้เลย
Wisesight Trend เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยวิเคราะห์แนวโน้ม และความสนใจของผู้ใช้งานในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับทิศทางของตลาดและกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ข้อดีของการใช้ Wisesight Trend
-
ผู้ใช้จะสามารถเข้าใจแนวโน้มของตลาดได้เป็นอย่างดี
-
และช่วยทำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของตลาดในขณะนั้น
-
-
การใช้ Wisesight Trend
-
ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตอบสนองต่อแนวโน้ม และความสนใจของผู้ใช้งานในช่วงเวลาที่กำหนดได้อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถปรับแผนการตลาดหรือกลยุทธ์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
-
Wisesight Trend แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์
-
ในการวิเคราะห์เชิงลึกที่เกี่ยวกับแนวโน้มของ Keyword หรือคำค้นหา จึงช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจประเด็นหลักของความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ได้อย่างละเอียด
-
-
ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบ
-
และวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ได้ง่าย เช่น โซเชียลมีเดียต่างๆ รวมถึง Twitter, Instagram, YouTube, และแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างสะดวก
-
-
ผู้ใช้สามารถใช้ Wisesight Trend
-
เพื่อติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มของ Keyword หรือคำค้นหาที่สนใจย้อนหลังได้
ทำให้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการวางแผนกลยุทธ์ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
Google Ads Keyword Planner
Google Ads Keyword Planner เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาและวิเคราะห์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาบน Google Ads
ซึ่งช่วยทำให้ผู้ที่จะทำการโฆษณาบน Google เข้าใจ และเลือกคำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับขั้นตอนใช้งาน Google Ads Keyword Planner มีดังนี้
-
-
เข้าสู่บัญชี Google Ads
-
หากยังไม่มีบัญชี คุณจะต้องสร้างบัญชีใหม่
-
-
เมื่อเข้าสู่ระบบ
-
ก็สามารถเข้าถึง Google Ads Keyword Planner ได้โดยไปที่เมนู “เครื่องมือและการกำหนดเวลา” จากนั้นเลือก “Keyword Planner”
-
-
เลือกใช้งานเครื่องมือสำหรับการค้นหา Keyword ใหม่
-
การค้นหาการเข้าเว็บไซต์ เพื่อดึงคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง, หรือใช้งานจากคำหลักหรือ URL ที่มีอยู่
-
-
ใส่ Keyword
-
หรือวงเล็บคำหลักที่คุณสนใจในช่องค้นหา
-
-
คุณสามารถทำการปรับแต่งการค้นหาเพิ่มเติมได้
-
เช่น ตั้งช่วงเวลาการค้นหา, ภูมิภาค, ภาษา, และประเภทของคำค้นหา
-
-
Google Ads Keyword Planner
-
จะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน, ความสนใจ, และคำแนะนำเกี่ยวกับคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง
-
-
ด้วยข้อมูลที่ได้รับจาก Google Ads Keyword Planner
-
จะทำให้คุณสามารถวิเคราะห์และเลือกคำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญโฆษณาของคุณได้สะดวกมากขึ้น
การใช้ Google Ads Keyword Planner จะช่วยทำให้ผู้ที่ทำการโฆษณาสามารถเลือก และใช้คำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งช่วยทำให้การสร้างแคมเปญ เกิดผลตอบรับและผลกำไรสูงขึ้นได้
-
ข้อดีของการใช้ Google Ads Keyword Planner
-
-
Google Ads Keyword Planner
-
ช่วยให้ผู้ที่ทำการโฆษณาสามารถค้นหาคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ ได้อย่างง่ายดาย และมีประสิทธิภาพ
-
-
ผู้ใช้สามารถดูข้อมูล
-
เกี่ยวกับปริมาณการค้นหาเฉลี่ยต่อเดือน, ระดับความสนใจ, และคำแนะนำเกี่ยวกับคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการเลือกคำค้นหาได้ดีมากขึ้น
-
-
ผู้ที่ทำการโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลจาก Google Ads Keyword Planner
-
เพื่อวางแผนและปรับแต่งแคมเปญโฆษณาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
-
ผู้ใช้สามารถใช้ข้อมูลจาก Google Ads Keyword Planner เพื่อคาดการณ์
-
ผลลัพธ์ที่จะได้รับจากแคมเปญโฆษณา และปรับแก้กลยุทธ์ได้ตามต้องการ
-
-
ผู้ใช้สามารถใช้ Google Ads Keyword Planner เพื่อเปรียบเทียบ
-
และทดสอบคำค้นหาต่างๆ เพื่อดูว่าคำค้นหาใดมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับแคมเปญ
-
-
Google Ads Keyword Planner ยังเสนอคำแนะนำที่เกี่ยวกับคำค้นหา
-
ที่อาจส่งผลลัพธ์ที่ดีสำหรับแคมเปญของผู้ใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เลือกคำค้นหาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
-
HubSpot’s Blog Ideas Generator
HubSpot’s Blog Ideas Generator เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างไอเดียสำหรับการเขียนบล็อก โดยอาศัยการสร้างไอเดียจาก Keyword หรือคำค้นหาที่ผู้ใช้ใส่เข้าไป ในส่วนของขั้นตอนในการใช้งาน HubSpot’s Blog Ideas Generator มีดังนี้
-
-
เข้าสู่เว็บไซต์
-
ของ HubSpot’s Blog Ideas Generator ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ
-
-
ในช่องใส่คำค้นหา
-
หรือ Keyword ให้ทำการพิมพ์ Keyword หรือคำค้นหาที่คุณสนใจในการสร้างไอเดียสำหรับบล็อก
-
-
หลังจากใส่ Keyword
-
หรือคำค้นหาลงในช่องที่กำหนดแล้ว ให้กดปุ่ม “Give me Blog Ideas” จากนั้นเครื่องมือจะทำการสร้างไอเดียให้สำหรับบล็อกของคุณ
-
-
HubSpot’s Blog Ideas Generator
-
จะสร้างไอเดียสำหรับบล็อกของคุณ โดยใช้ Keyword หรือคำค้นหาที่คุณใส่เข้าไป ซึ่งผู้ใช้สามารถดูไอเดียที่สร้างขึ้นและเลือกใช้ได้ตามต้องการ
-
-
หลังจากที่ได้รับไอเดียสำหรับบล็อกแล้ว
-
คุณก็สามารถปรับแต่ง หรือประยุกต์ใช้ไอเดียตามความต้องการหรือแนวทางที่คุณตั้งใจได้เลย
-
-
หลังจากที่คุณได้รับไอเดียที่น่าสนใจ
-
สำหรับบล็อกของคุณแล้ว คุณสามารถบันทึกไอเดีย หรือนำไปใช้ในการเขียนบล็อกได้เลย
-
ข้อดีของการใช้ HubSpot’s Blog Ideas Generator
-
HubSpot’s Blog Ideas Generator ช่วยทำให้คุณประหยัดเวลา
-
ในการวางแผนสร้างเนื้อหาบนบล็อก และทำให้สร้างไอเดียได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญก็คือ ไม่ทำให้คุณต้องใช้เวลานานในการค้นหาและพัฒนาไอเดียเอง
-
-
ช่วยให้คุณสร้างไอเดียสำหรับบล็อก
-
จาก Keyword หรือคำค้นหาที่คุณใส่เข้าไป ซึ่งช่วยให้คุณได้รับไอเดียที่หลากหลายและน่าสนใจได้มากขึ้น
-
-
ช่วยให้คุณได้รับไอเดียที่น่าสนใจสำหรับบล็อกของคุณ
-
และช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้อ่านและเพิ่มการแบ่งปันเนื้อหาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
-
สนับสนุนการสร้างเนื้อหาตามแผน
-
โดยมีไอเดียที่สร้างขึ้นจาก HubSpot’s Blog Ideas Generator ช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาตามแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ได้มากที่สุด
การใช้ HubSpot’s Blog Ideas Generator จะช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างไอเดียสำหรับบล็อกของตนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับผู้อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
🏅 สร้างยอดขายและฐานลูกค้าใหม่จากการตลาด Google ด้วยการทำ SEO ในงบประมาณที่คุณกำหนดเองได้ 🌟
.
เว็บไซต์จะทำให้ธุรกิจของคุณน่าเชื่อถือและยิ่งมีการทำ SEO ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้าใหม่แบบ Organic ได้จริง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจของคุณถึงควรมีเว็บไซต์และควรทำ SEO
ธุรกิจที่เหมาะแก่การทำ SEO
🎄ธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือ
🎄ธุรกิจที่ต้องการสร้างยอดขาย
🎄ธุรกิจที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าใหม่
.
ยกตัวอย่างธุรกิจควรมีเว็บไซต์และควรทำ SEO
💐 ธุรกิจโรงพยาบาลหรือคลินิก
💐 ธุรกิจโรงงานหรือรับผลิตสินค้า (OEM)
💐 ธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ทุกประเภท
💐 ธุรกิจเกี่ยวกับบ้าน , อสังหาทรัพย์
💐 ธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน , ประกันฯ
💐 ธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
💐 ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร
💐 ธุรกิจเกี่ยวกับท่องเที่ยว
และธุรกิจอื่น ๆ ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ
.
รับทำ SEO ใน Budget ที่คุณกำหนดเองได้
.
💙 ติดต่อ Enterblueprint 💙
🟢 Line@ : Enterblueprint
🔵 Facebook : Enterblueprint
🟠 Website : www.Enterblueprint.com
🟡 E-mail : [email protected]