การ วางแผน ธุรกิจ

Blogs

BLOGs
link backlink
โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ดี ควรเป็นอย่างไร?

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ดี
เเชร์ :

โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ดี ควรเป็นอย่างไร?

การสร้างเว็บไซต์ที่มี โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ดี เป็นสิ่งสำคัญต่อการทำธุรกิจสินค้า หรือ บริการในโลกออนไลน์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาและบริการได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วิธีการทำ โครงสร้างเว็บไซต์ ให้ได้มาตรฐานจะช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพในด้านการทำงาน การจัดการเนื้อหา และช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้ใช้งานได้ดีที่สุด ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจใน การทำโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี มาให้ลองนำไปปรับใช้ ดังนี้

โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ดี

โครงสร้างเว็บไซต์ ที่ดี

  • การวางแผน (Planning)

การวางแผนเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการสร้างเว็บไซต์ คุณควรกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้งาน และกำหนดความต้องการของเนื้อหารวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ ก่อนลงมือทำด้วย

นอกจากนี้ การวางแผนยังควรพิจารณาเรื่องของ โครงสร้างเว็บไซต์ เช่น การสร้างเมนู การจัดหน้าเนื้อหา และฟอร์มต่างๆ เข้าไปด้วย

  • การออกแบบ (Design)

การออกแบบเว็บไซต์ควรมุ่งเน้นความงาม การใช้งานง่าย รวมไปถึงการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ที่เข้ามาใช้งานด้วย ในส่วนของการเลือกใช้สี ตัวอักษร และภาพถ่ายก็ควรให้ความสำคัญด้วยเช่นเดียวกัน โดยควรเลือกให้เข้ากับเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นหลัก และควรออกแบบโดยคำนึงถึงความเรียบง่ายและการจัดวางเนื้อหาที่ชัดเจนด้วย

  • การวางโครงสร้างข้อมูล (Information Architecture)

โครงสร้างข้อมูลควรจัดเรียงและแบ่งกลุ่มเนื้อหาในเว็บไซต์อย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว ควรใช้โครงสร้างที่มีหมวดหมู่ชัดเจน และการใช้เมนู ตัวช่วยในการนำทาง เช่น แท็บ หรือตัวช่วยการค้นหา เป็นต้น

  • การพัฒนาและเทคโนโลยี (Development and Technology)

ในขั้นตอนนี้คุณควรเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับเว็บไซต์ของคุณ เช่น เลือกภาษา โปรแกรม เฟรมเวิร์ก รวมไปถึงเครื่องมือพัฒนารูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสม และในระหว่างการพัฒนาควรให้ความสำคัญกับเรื่องของความเร็วในการโหลดและความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และหน้าจอที่แตกต่างกันด้วย

  • ประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)

ความสำเร็จของเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ การจัดเรียงและจัดวางเนื้อหาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีความสุข จะช่วยให้เว็บไซต์ประสบผลสำเร็จได้เร็วมากขึ้น ดังนั้นจึงควรทำการปรับปรุงตามประสบการณ์การใช้งานตามข้อมูลการใช้งานจริง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

  • การทดสอบและปรับปรุง (Testing and Iteration)

ทดสอบเว็บไซต์กับกลุ่มผู้ใช้งานเพื่อตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและปรับปรุงตามความต้องการ การทดสอบเว็บไซต์ในระหว่างการพัฒนาและหลังจากเปิดให้บริการจริงเป็นสิ่งสำคัญ

  • การดูแลรักษา (Maintenance)

เว็บไซต์จำเป็นต้องทำการดูแลรักษาเพื่อรักษาประสิทธิภาพ ปรับปรุงระบบ แก้ไขข้อผิดพลาด และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เว็บไซต์พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในระยะยาว

การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างดี ควรมีรูปแบบการวางแผนที่ดี ออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย โครงสร้างข้อมูลที่ชัดเจน การพัฒนาที่เหมาะสม จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ การทดสอบและปรับปรุงต่อเนื่อง และการดูแลรักษาจะช่วยส่งผลให้เว็บไซต์เกิดประสิทธิภาพได้ในระยะยาว

ออกแบบ โครงสร้างเว็บไซต์

ออกแบบ โครงสร้างเว็บไซต์ อย่างไร? ให้ถูกหลัก SEO

การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่เข้ากับหลัก SEO (Search Engine Optimization) เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรให้ความสนใจ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถประสบความสำเร็จในการปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาต่างๆ

เช่น Google ได้ง่าย การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้เข้ากับหลัก SEO มีหลักการทำงานที่ควรคำนึงถึงดังนี้

  • การควบคุมโครงสร้าง URL

ออกแบบ URL ให้เป็นมาตรฐาน เข้าใจง่าย และมีความสั้น หลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์พิเศษที่ไม่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาเข้าใจได้ง่าย

  • การใช้โครงสร้างหัวเรื่องที่ถูกต้อง

ใช้แท็กหัวเรื่อง (H1, H2, H3, ฯลฯ) ให้ถูกต้อง และสื่อความหมายของเนื้อหาที่อยู่ในหัวเรื่องนั้น ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ดี

  • การใช้โครงสร้างหมวดหมู่และความสัมพันธ์

ใช้โครงสร้างหมวดหมู่และเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยในการสร้างความเข้าใจของเนื้อหาโดยรวม การใช้ตัวช่วยการนำทาง เช่น เมนู หรือแท็กคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องก็ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ดีมากขึ้น

  • การใช้ป้ายกำกับ (Meta Tags) ให้ถูกต้อง

ใช้ป้ายกำกับ (meta tags) ในส่วนของหัวเรื่อง (title) และคำอธิบาย (description) ของแต่ละหน้าเพื่อสื่อถึงเนื้อหาและเป้าหมายของหน้าเว็บไซต์ ป้ายกำกับจะเป็นตัวช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจและแสดงผลในผลการค้นหาได้อย่างถูกต้อง

  • การใช้รูปภาพและมีเนื้อหาอื่นๆ

ควรเลือกใช้รูปภาพและสื่อต่างๆ เพื่อเสริมความน่าสนใจและเนื้อหาของเว็บไซต์ แต่ควรให้มีคำอธิบายรูปภาพ (alt text) ที่ถูกต้องเข้าไปด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่สามารถดูรูปได้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากขึ้น

  • การใช้ลิงก์ภายในและภายนอก

เชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาในเว็บไซต์ (internal linking) เพื่อสร้างความเชื่อมโยงและเชื่อมต่อเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้ยังควรมีการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือและความเข้าใจของเว็บไซต์ร่วมด้วย

  • การใช้ Responsive Design

ควรให้เว็บไซต์มีการออกแบบ Responsive เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลที่เหมาะสมกับอุปกรณ์และหน้าจอที่แตกต่างกัน เป็นการช่วยให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

  • การควบคุมความเร็วโหลด

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์มีผลต่อประสิทธิภาพใน SEO อย่างมาก การใช้รูปภาพและสื่ออื่นๆ ที่มีขนาดเล็กและบีบอัดไฟล์ให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากนี้การเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดเวลาโหลดได้อีกด้วย

การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่เข้ากับหลัก SEO จะช่วยให้สร้างเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ที่เข้าใจง่าย และการเลือกใช้ป้ายกำกับที่ถูกต้อง จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ที่ดี

รวมไปถึงการปรับแต่งความเข้ากันได้กับอุปกรณ์และหน้าจอที่แตกต่างกัน จะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและนำเสนอเนื้อหาของคุณในที่แสดงผลการค้นหาอย่างดีมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง 

อ่านบทความเกี่ยวกับ เทคนิคการทำเว็บไซต์

Content Writer : Wasuratt

ติดต่อเรา ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
บทความล่าสุด
Enterblueprint Logo