yoast seo คืออะไร ใช้งานอย่างไร?
yoast seo มีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร
ใครที่อยากให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพและผู้ชมเข้าถึงได้ง่ายมากที่สุด ต้องทำความรู้จักกับ yoast seo ตัวช่วยยอดฮิตที่จะช่วยให้การปรับแต่ง seo ของคุณมีการทำงานที่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
เพราะจะช่วยเช็คโครงสร้างของเนื้อหาใน wordpress โดยจะมีลักษณะการแสดงเป็นสัญญาณไฟจราจร ที่มีสีเขียวสีส้มและสีแดงพร้อมกับคำแนะนำว่ายังมีจุดไหน ในบทความของคุณที่ควรจะปรับปรุง เพื่อพัฒนาให้เนื้อหาตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
และยิ่งถ้าคุณสามารถออกแบบบทความหรือ content ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้มาก โอกาสที่ธุรกิจของคนจะเติบโตและมีผู้ชมให้ความสนใจก็มากขึ้นด้วย
สำหรับ การทำ seo แน่นอนว่าคุณจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการวางระบบโครงสร้างของบทความ เพื่อให้บทความของคุณมีความน่าสนใจและถูกต้องตามหลัก seo
วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับตัวช่วยนี้กัน แล้วมาดูว่าทำไม yoast seo ถึงได้รับความนิยมบน wordpress มากที่สุด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนทำเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะใช้ yoast seo ในการวิเคราะห์ความน่าสนใจของเนื้อหา Content
ทำความรู้จักกับ yoast seo ตัวช่วยในการเขียนบทความสำหรับคนทำ SEO
สำหรับการจะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาบนระบบของ Google ก็มีอยู่หลายวิธี
แต่สำหรับ yoast seo ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากคนทำเว็บในยุคปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยปรับแต่งแล้ววิเคราะห์เนื้อหาให้ตรงกับการวิเคราะห์ผลของระบบ google ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสที่จะติดอันดับหน้าแรกของ google ได้อย่างง่ายดาย
โดยโครงสร้างของ yoast seo จะช่วยเช็คโครงสร้างเนื้อหาภายในหน้าเว็บ และยังมีการคำนวณความน่าเชื่อถือโดยการแสดงผลออกผ่านสีไฟจราจร ตามที่ได้บอกไปแล้วข้างต้น ซึ่งทำให้คุณสามารถที่จะปรับรูปแบบโครงสร้างของตัวเนื้อหาได้ง่ายมากขึ้น
ข้อดีของ yoast seo มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ content ของคุณมีความน่าสนใจ โดยทำการวิเคราะห์ว่า seo ของเว็บไซต์คุณจะไปในทิศทางไหน
รวมไปถึง ช่วยการตั้งค่า Technical SEO ต่าง ๆ และยังสามารถช่วยเรื่อง Title และ Meta description ได้ด้วย ที่สำคัญยังช่วยตรวจสอบว่าได้ใส่ External link และ Internal links แล้วหรือยังอีกด้วย เรียกได้ว่าถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำ SEO เลยก็ว่าได้
วิธีการสร้างบทความ SEO ให้ yoast seo ขึ้นไฟเขียว
แน่นอนว่าถ้าคุณอยากให้บทความของคุณขึ้นไฟเขียว เพราะถ้าขึ้นไฟเขียวเป็นตัวบอกว่าโครงสร้างบทความของเราดีแล้ว
แต่ถ้าขึ้นไฟแดง แสดงว่ามีบางจุดที่เราต้องปรับปรุงบนหน้าเว็บนั่นเอง เนื่องจากปลั๊กอิน Yoast ไม่สามารถตรวจสอบโครงสร้างเนื้อหาบทความที่เป็นภาษาไทยได้ 100%
ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสที่ สัญลักษณ์ไฟเขียวไฟแดงมากเกินไป ถึงเวลาแล้วที่คุณจะปรับเปลี่ยนรูปแบบเนื้องานใหม่ ให้มีประสิทธิภาพ และตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพื่อขยายธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์
ไปลองดูกันว่า การที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาบทความขึ้นไฟเขียวนั้นควรจะทำอย่างไรบ้าง รับรองว่าถ้าคุณสามารถทำตามวิธีเหล่านี้ได้ บทความของคุณจะได้รับไฟเขียวจากระบบ yoast seo แบบสบาย ๆ แน่นอน
-
ในส่วนของชื่อเรื่องบทความไม่ควรที่จะมีความยาวเกินไป หรือสั้นเกินไป
ไม่จำเป็นต้องเขียนให้มีไฟสีเขียวเต็มช่อง เพราะตัวอักษรภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มีรูปแบบการนับคำที่แตกต่างกัน เขียนให้มีไฟสีเขียวแสดงเกือบเต็มพอ จะช่วยให้บทความของคุณน่าสนใจมากขึ้น
-
ตำแหน่งของ วาง focus keyword ไว้ที่คำแรกของชื่อบทความ
เพราะ Google อ่านเนื้อหาจากขวาไปซ้าย และจากด้านบนลงข้างล่าง ดังนั้นพยายามนำคำที่เป็น focus keyword วางไว้ต้น ๆ ของประโยค ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม
-
ควรกำหนดให้มี keyword อยู่ที่ url ด้วยจะดีมาก
โดยต้องมีจำนวนคำที่ไม่ยาวเกินไป
-
ในส่วนของเนื้อหาบทความ
ควรที่จะมี keyword อยู่ในย่อหน้าแรก หรือพารากราฟแรกด้วย
-
ควรที่จะมีภาพประกอบบทความ
ซึ่งภาพที่ใช้ต้องมีความหมายไปในเรื่องเดียวกับตัวเนื้อหาในบทความด้วย ถึงจะเป็นงานที่มีคุณภาพ
-
สำหรับความถี่ของ keyword
เมื่อเทียบกับปริมาณ Text ทั้งหมด ไม่ควรเกิน 2.5 %
-
ต้องมี focus keyword
ปรากฏอยู่บนหัวข้อประเภท H2 หรือ H3 ด้วย
-
ใน meta description
จะต้องปรากฏ keyword ในคำอธิบายบทความแบบย่อด้วย หรือที่เรียกว่า meta description ต้องปรากฏคำ keyword และมีความยาวที่เหมาะสมไม่ควรสั้นหรือยาวเกินไปประมาณ 30 – 35 คำ นับจาก Word จะกำลังดี
-
การจัดเรียงลำดับเนื้อหา
ควรวางลำดับขั้นการอ่านให้เข้าใจง่าย ไม่ย้อนไปย้อนมา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการสื่อได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
สรุป Yoast SEO
ข้อสรุปของการใช้งาน Yoast SEO คือ ตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์และบทความของคุณนั้น มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่ง Yoast SEO จะช่วยวิเคราะห์ว่ามีอะไรที่ควรปรับปรุงบ้าง เป็นเหมือนเช็กลิสต์ในการทำ SEO ของคนที่มีเว็บไซต์นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือในการอำนวยตวามสะดวกในการพัฒนาบทความนั่นเอง